วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วิทยาศาสตร์กับการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย

     เด็กเป็นนักค้นคว้าเพื่อการเรียนรู้โดยธรรมชาติ  การหยิบจับ  สัมผัส  และการสังเกต เป็นวิธีการเรียนวิทยาศาสตร์  พฤติกรรมการเรียนวิทยาศาสตร์ของเด็ก  คล้ายกับการเรียนเหตุผลทางคณิตศาสตร์   เช่น  การจำแนก การเปรียบเทียบ  การหาความสัมพันธ์ของวัตถุ  การเรียนวิทยาศาสตร์และการเรียนคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยจึงพัฒนาควบคู่กัน  แต่การเรียนวิทยาศาสตร์จะเน้นการเรียนทักษะวิทยาศาสตร์และธรรมชาติรอบตัว  ได้แก่  เรื่องพืช  สัตว์  เวลา  ฤดูกาล  น้ำ  และอากาศร่วมด้วย
วิทยาศาสตร์ แสนสนุก
                   โดยพื้นฐานแล้ว  วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องของการสังเกตโลกรอบตัวและการสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับสิ่งที่เห็น ศึกษาตั้งแต่สิ่งเล็ก ๆ อย่างเช่นแมลงในสนามหญ้า ไปจนถึงสิ่งใหญ่ ๆ อย่างดวงดาว  ในขณะที่เด็ก ๆ กำลังมองผ่านกล้องจุลทรรศน์หรือกล้องส่องทางไกล นั่นเท่ากับว่าเด็ก ๆ กำลังเก็บรายละเอียดหรือเก็บข้อมูล ยิ่งดูมาก สังเกตมาก ก็ยิ่งได้ข้อมูลมาก 
                เคยได้ยินเด็ก ๆ  ตั้งคำถามแบบนี้กันบ้างไหม...  ทำไมปลาไม่นอน  ทำไมต้นหญ้าหน้าตาเหมือนต้นข้าว ภาพในโทรทัศน์เกิดขึ้นได้อย่างไร   ทำไมเรือลำใหญ่ ๆ จึงไม่จมน้ำ  ดาวหายไปไหนในตอนกลางวัน   คำถามมากมายจากสมองน้อย ๆ   เด็ก ๆ คิดคำตอบเหล่านี้บ้างไหม แล้วมีใครเคยคิดคำตอบไว้บ้างหรือยัง ปัญหาชวนฉงนเหล่านี้  คือจุดเริ่มต้นของทักษะทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญซึ่งพ่อแม่  ผู้ปกครอง และครู ไม่ควรมองข้าม
ถ้าอยากให้เด็กมีโอกาสพัฒนาจินตนาการทางวิทยาศาสตร์จะทำอย่างไร
               เมื่อเด็กช่างซักถาม  อย่าทำท่ารำคาญ  แต่ต้องพยายามตอบคำถามให้ได้มากที่สุดสร้างสภาพแวดล้อมทางวิทยาศาสตร์ให้เกิดขึ้นภายในบ้าน  ห้องเรียน  หาหนังสือเกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์สำคัญของโลก  การทดลองสนุก ๆ หรือเกร็ดความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาเตรียมไว้เสมอปลูกฝังความคิดทางวิทยาศาสตร์ให้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น  พาเด็ก ๆ เดินไปตามเส้นทางรอบ ๆ บริเวณโรงเรียน กระตุ้นให้เด็กสังเกตสิ่งรอบตัวแล้วนำมาพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะ เพราะการได้เห็น  ได้สัมผัสจากของจริง  จะช่วยกระตุ้นความใฝ่รู้ของเด็กได้อีกมาก

วิทยาศาสตร์ให้อะไรกับเด็ก
                        1.  กระบวนการคิดที่เป็นเหตุเป็นผล   เพราะวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องของเหตุผล   พิสูจน์ได้   ไม่มีอะไรเกิดขึ้นลอย ๆ เด็กที่มีความคิดแบบวิทยาศาสตร์จึงมีระบบความคิดเชิงตรรกะที่ดี
                        2.  พัฒนาการทางความคิดมากกว่าความจำ  ไม่มีทฤษฎีใดในโลกที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้  เช่น  ครั้งหนึ่งคนเคยเชื่อว่าโลกแบน  แต่ กาลิเลโอ ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าโลกกลม  ดังนั้นการท่องจำจึงไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับนักวิทยาศาสตร์  หากเป็นการคิดหาเหตุผล  และพิสูจน์ว่าสิ่งที่จำนั้นเป็นความจริงหรือไม่ต่างหาก
                        3.  จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์  คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าวิทยาศาสตร์กับจินตนาการเป็นคนละเรื่องกัน    แต่อย่าลืมว่าทักษะทางวิทยาศาสตร์ในเรื่องของการตั้งสมมุติฐานก็คือจินตนาการแบบหนึ่งไอน์สไตน์เองยังยอมรับว่าทฤษฎีสัมพันธภาพ  E  =  MC2  เขาคิดค้นขึ้นจากห้องแล็บในสมอง
                        4.  ทัศนคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์  เด็ก ๆ อาจคิดอย่างเป็นเหตุผลและเป็นระบบอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน ถ้าเด็กได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างถูกวิธี  (คือได้คิดวิเคราะห์และลงมือปฏิบัติมากกว่าท่องจำ)  เขาจะมีความสุขและสามารถต่อยอดไปในชั้นสูง ๆ ได้  ซึ่งไม่จำเป็นว่าเด็กทุกคนที่ชอบวิทยาศาสตร์จะต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์เสมอไป  แต่จะดีกว่าไหม  ถ้าเราจะมีครู  นักเขียน  ทนายความ  และนักการเมืองที่มีระบบคิดเป็นเหตุเป็นผลแบบนักวิทยาศาสตร์
แนวทางการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ปฐมวัย 
               การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัยเป็นการตอบสนองและส่งเสริมพัฒนาการของเด็กในการเรียนรู้โลกธรรมชาติรอบตัวและพัฒนาทักษะทางสติปัญญาต่าง ๆ เนื่องจากเด็กในระดับปฐมวัยมีธรรมชาติของการสืบเสาะหาความรู้แบบวิทยาศาสตร์อยู่ในตนเอง  การส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้อย่างเหมาะสม  โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และค้นพบด้วยตนเองมากที่สุด  ให้ได้ทั้งกระบวนการเรียนรู้และองค์ความรู้ตั้งแต่ระดับปฐมวัยจะช่วยส่งเสริมศักยภาพของเด็กในการพัฒนากรอบแนวคิดและทักษะต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการศึกษาในอนาคต
เป้าหมายสำคัญในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 
        เด็กปฐมวัยเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในแง่ของทักษะพื้นฐาน  กระบวนการและสาระวิทยาศาสตร์เบื้องต้น  เป้าหมายสำคัญของการเรียน  คือแสดงความตระหนักรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ  และสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นผ่านการลงมือปฏิบัติ  การสำรวจ  การสังเกต  การตั้งคำถามและการแลกเปลี่ยนสิ่งที่ค้นพบดำเนินการสืบเสาะหาความรู้อย่างง่าย ๆ ด้วยตนเอง  อย่างเสรีและตามแบบที่กำหนดให้  รวมทั้ง ทำกิจกรรมตามคำแนะนำ  ในการสังเกต  การตั้งคำถาม  การวางแผน  การสำรวจ  การตรวจสอบ และการสื่อสารสิ่งที่ค้นพบแสดงความเข้าใจและรู้จักดูแลรักษาธรรมชาติสืบค้นและสนทนาเกี่ยวกับลักษณะและองค์ประกอบของสิ่งต่าง ๆ และใช้สิ่งเหล่านั้นได้อย่างปลอดภัยรู้และสามารถใช้สิ่งของที่เป็นเทคโนโลยีอย่างง่าย ๆ ได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัยเพื่อให้มีจิตวิทยาศาสตร์  มีคุณธรรม  จริยธรรม  และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์                                 
บทบาทการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัย
        1. การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัย  ช่วยให้เด็กได้พัฒนาความตระหนักรู้ (Cognition) เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกรอบตัว เด็กจะได้รับการส่งเสริมและตอบสนองต่อคำถามที่เกิดขึ้นระหว่างการสำรวจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวของตนเองอย่างเหมาะสมและทันท่วงทีและได้ฝึกฝนการจัดโครงสร้างความคิดจากประสบการณ์ที่ได้รับ   ซึ่งเป็นการวางพื้นฐานโครงสร้างกรอบแนวคิด  (Conceptual Framework)   เกี่ยวกับโลกธรรมชาติรอบตัวให้ถูกต้องเหมาะสมตั้งแต่ในระดับปฐมวัย  อันจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็กเมื่อเติบโตขึ้น
         2.  การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัย  ช่วยให้เด็กได้พัฒนาคุณลักษณะตามวัยที่สำคัญ  4  ด้าน  ได้แก่
                      2.1  คุณลักษณะตามวัยด้านร่างกาย  เช่น  การจัดกิจกรรมให้เด็ก ๆ ได้สำรวจสิ่ง     ต่าง ๆ รอบตัวเด็ก  ได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าและใช้อุปกรณ์วิทยาศาสตร์อย่างง่ายในการสำรวจ  ซึ่งเป็นการพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก
                      2.2  คุณลักษณะตามวัยด้านอารมณ์และจิตใจ เช่น  การจัดกิจกรรมให้เด็ก ๆ ได้สำรวจและทดลองสิ่งต่าง ๆ รอบตัว  เด็ก ๆ ได้รับการฝึกฝนให้รู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเองในการทำกิจกรรม รู้จักใช้เหตุผลในการทำการสำรวจและอธิบายสิ่งต่าง ๆ รู้จักตัดสินใจในการเลือกวิธีการทดลองและยอมรับผลที่เกิดขึ้นได้แสดงผลงานจากการสำรวจและแสดงความสามารถของตนเอง
                        2.3  คุณลักษณะตามวัยด้านสังคม  เช่น  การจัดกิจกรรมให้เด็ก ๆ ได้สำรวจสิ่งต่างๆ รอบตัว  เด็ก ๆ ได้ฝึกการช่วยเหลือตนเองในการทำกิจกรรม  รู้จักทำงานร่วมกับเพื่อน ๆ ในกลุ่มย่อย  รู้จักการให้และการรับ  ฝึกการปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือข้อตกลงร่วมกัน  และ เห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อมรอบตัวและช่วยกันดูแลรักษา
                        2.4  คุณลักษณะตามวัยด้านสติปัญญา  เช่น  การจัดกิจกรรมให้เด็ก ๆ ได้สำรวจตรวจสอบ  ทดลอง  หรือสืบค้นสิ่งต่าง ๆ รอบตัว  เด็ก ๆ ได้พัฒนาความสามารถในการถามคำถามเชิงวิทยาศาสตร์อย่างง่าย  การลงมือค้นหาคำตอบด้วยวิธีการต่าง ๆ  ที่เหมาะสมกับวัย  เช่น  การสังเกต  การสอบถาม  การทดลอง  การจำแนกสิ่งต่าง ๆ โดยใช้เกณฑ์ของตนเองหรือเกณฑ์ที่ครูกำหนดขึ้น  ได้บอกลักษณะ  ของสิ่งที่สำรวจพบด้วยคำพูด  การวาดภาพหรือการแสดงบทบาทสมมุติและการสรุปสิ่งที่ตนเอง  ได้เรียนรู้ใหม่และบอกวิธีการเรียนรู้ของตนเอง
            3.  การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัย  ช่วยให้เด็กได้มีโอกาสใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ในการออกแบบ  และสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์  ตลอดจนคิดวิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ ตามวัยและศักยภาพผ่านทางการเล่นทางวิทยาศาสตร์
สรุปโดยรวม...        
กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์  เป็นการเรียนรู้ที่มีจุดมุ่งหมาย  2  ประการ  คือ
1.  การฝึกทักษะพื้นฐาน ทางวิทยาศาสตร์
2.  การเรียนรู้ข้อความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นธรรมชาติรอบตัวที่เด็กพบในชีวิตประจำวัน   โดยเน้น
     การใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คือ  1) การสังเกต   2) การจำแนก  เปรียบเทียบ        3) การวัด  4) การสื่อสาร      5) การทดลอง     และ 6) การสรุปและนำไปใช้ 
           สิ่งที่ได้จากการเรียนวิทยาศาสตร์ คือ  การสร้างให้เด็กมีนิสัยค้นคว้า  การสืบเสาะ  และการทำความเข้าใจธรรมชาติรอบตัว  รู้จักวิธีการค้นหาความรู้อย่างนักวิทยาศาสตร์ โดยการพัฒนาทักษะพื้นฐานวิทยาศาสตร์  กระบวนการทางวิทยาศาสตร์  ในขณะเดียวกันเรียนรู้วิทยาศาสตร์รอบตัวไปด้วย Å
ตัวอย่างการนำวิธีการทางวิทยาศาสตร์ มาจัดกิจกรรมสำหรับเด็กปฐมวัย
            สำรวจโลกใกล้ตัว  สนามหญ้าพาเพลิน  เป็นกิจกรรมใกล้ตัวจนอาจมองข้ามไป  หลายคนคิดว่าสนามหญ้ากว้าง ๆ จะให้เด็กได้รับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างไรกัน
กิจกรรม  ขุมทรัพย์บนพื้นหญ้า

ผิวสัมผัส  :  สิ่งแรกที่เด็กจะได้รับคือการได้สัมผัสกับสิ่งที่เป็นธรรมชาติ  อย่างน้อยก็ผืนดินที่ปกคลุมไปด้วยหญ้าซึ่งแซมด้วยวัชพืชต่าง ๆ ให้มือของเด็กได้สัมผัสดิน  ใช้เท้าวิ่งไปบนผืนหญ้าอ่อนนุ่ม  ให้ความรู้สึกต่างกับพื้นยางหรือลานปูนมากเลยทีเดียว  ซึ่งอย่างน้อย ๆ ก็ทำให้เด็กได้คุ้นเคยกับผิวสัมผัสต่าง ๆ แบบกันไป
การสังเกต :  หากเปลี่ยนจากจอทีวีมาเป็นสนามหญ้ากว้างสีเขียวได้ก็จะดีมาก   เพราะนอกจากจะช่วยฝึกสายตาแล้ว  ยังสอนให้เด็กรู้จักหัดสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอีกด้วย O_O!!
กิจกรรมตัวละครต้นไม้
        ครูพาเด็ก ๆ เดินสำรวจรอบ ๆ ต้นไม้ใหญ่ในโรงเรียน  และสร้างจินตนาการกับเด็ก ดูนั่นสิเด็ก ๆ
...คุณลุงต้นไม้ตัวใหญ่จัง  แล้วมองเห็นโพรงโพรงหนึ่ง  เอ....ตัวอะไรขุดโพรงนี้นะ...จะเป็นงู  กระรอก  กระต่าย  หนู  หรือว่าสิงโต  (คงไม่ใช่สิงโตแน่ ๆ ) พอเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็เห็นว่าโพรงนั่นเล็กเกินกว่าที่กระรอกหรือกระต่ายจะเข้าไปได้  จึงตัดสมมติฐาน  2  ข้อนี้ทิ้งไป  แล้วหนูล่ะ  จะเข้าไปได้ไหม  ลองยืนมองโพรงนั่นสักพักเผื่อว่าจะมีตัวอะไรโผล่ออกมาหรือวิ่งเข้าไป  หลังจากนั้นไม่นาน  เด็ก ๆ ก็เห็นหนูตัวหนึ่งยื่นจมูกเล็ก ๆ ออกมาจากโพรง   ก็น่าจะเป็นไปได้ว่าโพรงนี้อาจเป็นบ้านของหนู  จากนั้นก็มีหนูตัวเล็ก ๆ 3 ตัววิ่งจี๋เข้าไปในโพรงนั้น  ยิ่งบ่งชัดว่านี่เป็นโพรงของหนู  บางทีอาจมีงูหรือสัตว์ชนิดอื่นอยู่ในโพรงก็ได้  (กำลังพยายามจะกินหนู)  แต่เด็ก ๆ  เพิ่งรวบรวมข้อมูลที่ช่วยสนับสนุนสมมติฐานว่าโพรงนี้เป็นของหนูนี่นา  (หรืออย่างน้อยก็ช่วยสนับสนุนข้อสรุปที่ว่ามีหนูอาศัยอยู่ในโพรงนี้ แต่อาจเป็นสัตว์อื่นที่สร้างโพรงแห่งนี้ซึ่งจะกลายเป็นคำถามต่อไป) !?!
มหัศจรรย์แห่งดอกไม้
                คงเคยได้ยินคำถามแบบนี้มาบ้าง...ดอกไม้มันมาจากไหน  ทำไมดอกไม้ถึงมีสีหลายสี...มาลองเปลี่ยนวิธีให้เด็ก ๆ หาคำตอบนั้นด้วยตัวเอง หากเด็กสงสัยอะไรเกี่ยวกับดอกไม้นัก  ครูอาจเตรียมการทดลองง่ายๆ  หรือดึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับดอกไม้มาให้เด็ก ๆ ร่วมสนุก  คำตอบเกี่ยวข้องกับดอกไม้ก็จะมีคำตอบมากมายเลย!!
กิจกรรม  รู้จักดอกไม้
  
                วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เด็ก ๆ รู้จักดอกไม้คือ  การนำมาแยกออกเป็นส่วน ๆ เลือกดอกโต ๆ กลีบดอกสีสันสด ๆ  มีส่วนประกอบต่าง ๆ ชัดเจน  เพื่อช่วยให้เด็ก ๆ  เห็นภาพแจ่มชัดขึ้น   เช่น  ดอกพู่ระหง   ดอกชบา  ดอกกุหลาบ  ดอกบัวหลวง  แยกดอกออกทีละชั้น ๆ กลีบเลี้ยง  กลีบดอก  เกสรตัวผู้  เกสรตัวเมีย  อับเรณู  รังไข่
              พอเด็ก ๆ โตขึ้นมาอีกนิด  เขาจะรู้จักสังเกตต่อไปว่า  แม้จะเป็นดอกไม้เหมือนกันก็จริง  แต่ถ้าต่างชนิดกันรายละเอียดย่อมแตกต่างกันออกไป  ดอกไม้บางอย่างมีช่วงชีวิตเพียงฤดูเดียวก็ตายจากไป ขณะที่บางดอกมีชีวิตยืนยาวหลายปี ให้ดอกไว้ชื่นชมหลายต่อหลายรุ่น

เอกสารอ้างอิง
    สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.  (2552).  แนวทางการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
         ปฐมวัยตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2546.  กรุงเทพฯ:  ศรีเมืองการพิมพ์
     กุลยา  ตันติผลาชีวะ.  (2551).  การจัดกิจกรรมการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย.   กรุงเทพฯ:  เบรน-เบส  บุ๊คส์
     พรพิไล  เลิศวิชา และนายแพทย์อัครภูมิ  จารุภากร.  (2550).  ออกแบบกระบวนการเรียนรู้โดยเข้าใจสมอง.
         กรุงเทพฯ:  สถาบันวิทยาการเรียนรู้.
     Thomas  Armstrong, PH.D.  (2549).  เชื่อเถอะ!  หนูฉลาดกว่าที่คิด.  กรุงเทพฯ:  สำนักพิมพ์แฮปปี้  แฟมิลี่
     ฉันทนา  ภาคบงกช.  (2549).  มารู้จักสมองของหนูหน่อยไหม.  กรุงเทพฯ:  สำนักพิมพ์แฮปปี้  แฟมิลี่
     สุภาวดี  หาญเมธี.  (2548).  8 วิถีการเรียนรู้นอกห้องเรียน.  กรุงเทพฯ:  สำนักพิมพ์รักลูก
     สุภาวดี  หาญเมธี.  (2547).  สำรวจโลกกับลูกวัยซน.  กรุงเทพฯ:  สำนักพิมพ์รักลูก  

1 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณ คุณครูอุ้มมากนะคะที่นำสิ่งดีๆ มาให้ศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม ได้ประโยชน์มากๆเลยคะ

    ตอบลบ